


เกาะปันหยีหรือบ้านกลางน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา ชื่อนี้มีที่มาเนื่องจาก “โต๊ะบาบู”ผู้นำชาวอินโดนีเซียอพยพมาเมื่อ 200 ปีก่อน เมื่อมาเจอเกาะปันหยีได้ขึ้นไปปักธงให้พรรคพวกที่อพยพ มาี่ด้วยกันรู้ว่าเป็นสถานที่เหมาะสมที่จะตั้งบ้านเรือน คำว่า “ปันหยี” แปลว่า “ธง” มีลักษณะเป็นหมู่บ้านที่ตั้งเรียงราย อยู่บนทะเลมีที่ดินนิดเดียวซึ่งเอาไว้เป็นที่สร้างมัสยิดและกุโบว์ ชาวเกาะส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และสร้าง หมู่บ้านแทบทั้งหมดด้านหน้าของหน้าผาหินปูนเหนือน้ำทะเล ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมงพื้นบ้าน ตลอดจนมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารมากมายบนเกาะ เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาแวะเยี่ยม ชมมีสินค้าที่ ี่ระลึกจำหน่าย เช่น ผลิตภัณฑ์จากเปลือกหอย ผ้าบาติก สร้อย กำไล แหวน ที่ทำมากจากหอยมุก และยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีก เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบ กะปิและเป็นจุดพักทานอาหาร นักท่องเที่ยว มักนิยมมาทาน อาหารกลางวันที่เกาะปันหยีี

นที่อุดมสมบูรณ์ ให้ปักธงไว้ ชุมชนเกาะปันหยีเป็นกลุ่มที่มีวิถีชีวิตภายใต้บริบทวัฒนธรรมอิสลาม
และอาชีพประมง อาศัยร่วมกันในพื้นที่ ที่มีข้อจำกัดด้านนิเวศน์ และโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนทศวรรษที่ 2520 ชาวชุมชนมีระบบการผลิตที่ผูกพัน
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับการดำรงชีวิต ที่พึ่งพาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ มีเป้าหมายการผลิตเพื่ออยู่เพื่อกิน มีระบบความเชื่อ ภายใต้ระบบความสัมพันธ์
เชิงเครือญาติ อันแน่นแฟ้น ต่อมา เมื่อมีการประกาศให้อ่าวพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยมีทุนทางวัฒนธรรม
และทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่ง “ล่อใจ” ภายใต้การจัดการ ของภาครัฐและภาคธุรกิจ ส่งผลให้เกาะปันหยี และบริเวณใกล้เคียง “ถูกเที่ยว”เกาะปันหยี
หมู่บ้านเกาะปันหยี จ.พังงา ตั้งอยู่กลางทะเล ใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางประมาณ 20-30 นาที มีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 4,022 คน
มีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนปีละ 1 ล้านคน ในหนึ่งปีสามารถส่งผู้ป่วยจากเกาะปันหยีเข้ามารักษาในเมืองได้เพียง 4 เดือน คือ ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.
ส่วนอีก 8 เดือนที่เหลือเป็นช่วงพายุและมรสุม ทำให้ไม่สามารถเดินทางด้วยเรือได้เกาะปันหยี เป็นหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งก่อสร้างบนพื้นที่น้ำทะเลท่วมถึง
บ้านถูกสร้างยกระดับให้พ้นการขึ้น- ลง ของน้ำทะเล บริเวณหมู่บ้านอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ ชาวปันหยีเป็นชุมชนชาวประมงดั้งเดิม
ประกอบอาชีพประมงน้ำตื้น โดยการทำประมงอวนลอย โป๊ะ เลี้ยงหอยแครง เลี้ยงปลากระชัง ปัจจุบันเกาะปันหยีเป็นชุมชนที่รองรับนักท่องเที่ยว
โดยได้ทำการปรับปรุงบ้านอยู่อาศัยเดิมบางส่วนเป็นร้านอาหารและจำหน่ายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว ชุมชนกลางทะเลของชาวมุสลิมตั้งแต่อดีต
ประมาณ 200 ปีมาแล้ว บ้านทั้งหมดอยู่ในน้ำ มีมัสยิดและโรงเรียน ชาวบ้านมีอาชีพขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และเลี้ยงปลาในกระชัง
เกาะปันหยี เป็นเกาะเล็กปัจจุบันเกาะปันหยีเป็นชุมชนที่รองรับนักท่องเที่ยวโ ดยได้ทำการปรับปรุง บ้านอยู่อาศัยเดิมบางส่วนเป็นร้านอาหาร
และจำหน่ายของ ที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว
ถูกเบียดแทรก ให้จำกัดและแคบลง เกิดการละเมิดสิทธิชุมชน โดยอำนาจอิทธิพลที่เหนือกว่า เกิดภาวะแย่งชิงทรัพยากร ระหว่างคนนอกกับคนใน
ระหว่างรัฐกับชุมชน รูปแบบการผลิตปรับเปลี่ยนไป เน้นเป้าหมาย เพื่อตอบสนองการบริโภค ที่ไร้ขีดจำกัด ผู้คนถูกดึงออก จากความสัมพันธ์ ระหว่างเครือญาติ
หันไปสร้างความสัมพันธ์ เชิงผลประโยชน์มากขึ้น ขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติ ลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ชาวชุมชนเกาะปันหยี พยายามดิ้นรน
เพื่อหาทางออกให้ตัวเอง ส่วนใหญ่พบว่า ในสถานการณ์ดังกล่าว การยอมจำนน และเชื่อมประสาน เข้ากับอำนาจภายนอก และระบบตลาด
ส่งผลให้สามารถ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเฉพาะตนได้ ขณะที่บางส่วนยังยืนหยัด ที่จะไม่ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของตน เพื่อการปรับตัว
แต่กระนั้นก็ตาม กระบวนการ สุดท้าย ของการผลิต ยังคงผูกพันอยู่กับ การตอบสนองผู้บริโภค ที่เป็นคนนอก และระบบธุรกิจท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับการดำรงชีวิต ที่พึ่งพาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ มีเป้าหมายการผลิตเพื่ออยู่เพื่อกิน มีระบบความเชื่อ ภายใต้ระบบความสัมพันธ์
เชิงเครือญาติ อันแน่นแฟ้น ต่อมา เมื่อมีการประกาศให้อ่าวพังงา เป็นอุทยานแห่งชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยมีทุนทางวัฒนธรรม
และทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่ง “ล่อใจ” ภายใต้การจัดการ ของภาครัฐและภาคธุรกิจ ส่งผลให้เกาะปันหยี และบริเวณใกล้เคียง “ถูกเที่ยว”เกาะปันหยี
หมู่บ้านเกาะปันหยี จ.พังงา ตั้งอยู่กลางทะเล ใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางประมาณ 20-30 นาที มีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 4,022 คน
มีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนปีละ 1 ล้านคน ในหนึ่งปีสามารถส่งผู้ป่วยจากเกาะปันหยีเข้ามารักษาในเมืองได้เพียง 4 เดือน คือ ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.
ส่วนอีก 8 เดือนที่เหลือเป็นช่วงพายุและมรสุม ทำให้ไม่สามารถเดินทางด้วยเรือได้เกาะปันหยี เป็นหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งก่อสร้างบนพื้นที่น้ำทะเลท่วมถึง
บ้านถูกสร้างยกระดับให้พ้นการขึ้น- ลง ของน้ำทะเล บริเวณหมู่บ้านอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ ชาวปันหยีเป็นชุมชนชาวประมงดั้งเดิม
ประกอบอาชีพประมงน้ำตื้น โดยการทำประมงอวนลอย โป๊ะ เลี้ยงหอยแครง เลี้ยงปลากระชัง ปัจจุบันเกาะปันหยีเป็นชุมชนที่รองรับนักท่องเที่ยว
โดยได้ทำการปรับปรุงบ้านอยู่อาศัยเดิมบางส่วนเป็นร้านอาหารและจำหน่ายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว ชุมชนกลางทะเลของชาวมุสลิมตั้งแต่อดีต
ประมาณ 200 ปีมาแล้ว บ้านทั้งหมดอยู่ในน้ำ มีมัสยิดและโรงเรียน ชาวบ้านมีอาชีพขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และเลี้ยงปลาในกระชัง
เกาะปันหยี เป็นเกาะเล็กปัจจุบันเกาะปันหยีเป็นชุมชนที่รองรับนักท่องเที่ยวโ ดยได้ทำการปรับปรุง บ้านอยู่อาศัยเดิมบางส่วนเป็นร้านอาหาร
และจำหน่ายของ ที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว
ประวัติความเป็นมา
คำว่า "ปันหยี" แปลว่า "ธง" มาจากภาษาอินโดนีเซีย ในอดีตมีครอบครัวชาวชวา หรือชาวอินโดนีเซีย 3 ครอบครัว หนึ่งในนั้น มี "โต๊ะนาบู"
เป็นผู้นำการอพยพออกมาหาที่ทำกินใหม่ ตกลงกันว่าหากใครพบที่ทำกิ
อย่างหนักและต่อเนื่อง มาตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 2520 ก่อให้เกิดภาวะ ตลาดซื้อขายขึ้น แทนที่ตลาดน้ำใจ พื้นที่ทำกินของชุมชนคำว่า "ปันหยี" แปลว่า "ธง" มาจากภาษาอินโดนีเซีย ในอดีตมีครอบครัวชาวชวา หรือชาวอินโดนีเซีย 3 ครอบครัว หนึ่งในนั้น มี "โต๊ะนาบู"
เป็นผู้นำการอพยพออกมาหาที่ทำกินใหม่ ตกลงกันว่าหากใครพบที่ทำกิ
ถูกเบียดแทรก ให้จำกัดและแคบลง เกิดการละเมิดสิทธิชุมชน โดยอำนาจอิทธิพลที่เหนือกว่า เกิดภาวะแย่งชิงทรัพยากร ระหว่างคนนอกกับคนใน
ระหว่างรัฐกับชุมชน รูปแบบการผลิตปรับเปลี่ยนไป เน้นเป้าหมาย เพื่อตอบสนองการบริโภค ที่ไร้ขีดจำกัด ผู้คนถูกดึงออก จากความสัมพันธ์ ระหว่างเครือญาติ
หันไปสร้างความสัมพันธ์ เชิงผลประโยชน์มากขึ้น ขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติ ลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ชาวชุมชนเกาะปันหยี พยายามดิ้นรน
เพื่อหาทางออกให้ตัวเอง ส่วนใหญ่พบว่า ในสถานการณ์ดังกล่าว การยอมจำนน และเชื่อมประสาน เข้ากับอำนาจภายนอก และระบบตลาด
ส่งผลให้สามารถ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเฉพาะตนได้ ขณะที่บางส่วนยังยืนหยัด ที่จะไม่ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของตน เพื่อการปรับตัว
แต่กระนั้นก็ตาม กระบวนการ สุดท้าย ของการผลิต ยังคงผูกพันอยู่กับ การตอบสนองผู้บริโภค ที่เป็นคนนอก และระบบธุรกิจท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน
ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ของระบบเศรษฐกิจ และแบบแผนการดำเนินชีวิตพบว่า ได้ส่งผล ให้เกิดภาวะความสูญเสีย และอ่อนแอของชุมชน หลายด้านคือ การสูญเสีย
ความเป็นปึกแผ่น และความเข้มแข็ง การไหลออกของทรัพยากรมนุษย์ การถูกดูดซับทรัพยากร และการสูญเสียอำนาจ ในการจัดการทรัพยากร ก่อให้เกิดภาวะ
การแตกกระจาย ของชุมชนอย่างชัดเจน ในสถานการณ์การแข่งขันที่มี่มากขึ้น ชาวชุมชนเกาะปันหยี มีประสบการณ์ ถึงความผันผวน ของระบบเศรษฐกิจ
ที่ควบคุมได้ และความไม่แน่นอน ของรายได้ที่ต้องพึ่งพาธุรกิจที่ควบคุมไม่ได้ และความไม่แน่นอน ของรายได้ที่ต้องพึ่งพาธุรกิจทุน และกลไกตลาดภายนอก
จึงเริ่มตระหนัก ในสภาพการสูญเสียอำนาจ และความเข้มแข็ง เกิดกระบวนการผลิตซ้ำ เพื่อเสริมสร้างอำนาจชุมชน และเรียกร้องความเป็นตัวตน
กลับคืนมาขึ้นหลายรูปแบบ เช่น การส่งเสริม ให้ยึดหลักปฏิบัติทางศาสนา การสร้างเอกลักษณ์ เชิงชาติพันธุ์ การต่อต้านกระแสวัฒนธรรมใหม่ และการสร้างกฎเกณฑ์ กติกาสังคม
ความเป็นปึกแผ่น และความเข้มแข็ง การไหลออกของทรัพยากรมนุษย์ การถูกดูดซับทรัพยากร และการสูญเสียอำนาจ ในการจัดการทรัพยากร ก่อให้เกิดภาวะ
การแตกกระจาย ของชุมชนอย่างชัดเจน ในสถานการณ์การแข่งขันที่มี่มากขึ้น ชาวชุมชนเกาะปันหยี มีประสบการณ์ ถึงความผันผวน ของระบบเศรษฐกิจ
ที่ควบคุมได้ และความไม่แน่นอน ของรายได้ที่ต้องพึ่งพาธุรกิจที่ควบคุมไม่ได้ และความไม่แน่นอน ของรายได้ที่ต้องพึ่งพาธุรกิจทุน และกลไกตลาดภายนอก
จึงเริ่มตระหนัก ในสภาพการสูญเสียอำนาจ และความเข้มแข็ง เกิดกระบวนการผลิตซ้ำ เพื่อเสริมสร้างอำนาจชุมชน และเรียกร้องความเป็นตัวตน
กลับคืนมาขึ้นหลายรูปแบบ เช่น การส่งเสริม ให้ยึดหลักปฏิบัติทางศาสนา การสร้างเอกลักษณ์ เชิงชาติพันธุ์ การต่อต้านกระแสวัฒนธรรมใหม่ และการสร้างกฎเกณฑ์ กติกาสังคม
ทัศนะต่อปัญหา และวิธีการแก้ปัญหาของชุมชนคือ การให้ความสำคัญ ต่อปัจจัยการใช้วิถีชีวิตแบบเดิม ที่พึ่งพาทะเล เพื่อแก้ปัญหา การทิ้งถิ่น และทบทวน การรับการช่วยเหลือ
จากภาครัฐ การคืนเวที การดำรงชีวิต ให้อยู่ในบทบาทของชุมชน มากกว่าการที่รัฐ จะใช้อาณัติของรัฐเกินจำเป็น
สภาพทั่วไปของตำบล
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะอยู่กลางทะเล จำนวน 3 หมู่บ้าน อีกหนึ่งหมู่บ้านอยู่ติดชายฝั่ง พื้นทีทั้งหมด 11,080 ไร่เศษ หรือคิดเป็น 17 ตารางกิโลเมตร
เป็นหมู่บ้านพัฒนาปานกลาง รายได้เฉลี่ยไม่ผ่านเกณฑ์ จปฐ.
อาณาเขตตำบล
ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลตากแดด
ทิศใต้ ติดต่อกับ อ่าวพังงา
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวพังงา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอ่าวพังงา
จำนวนประชากรของตำบล
ประชากรทั้งสิ้น 4,022 คน แบ่งเป็นชาย 1,999 คน และหญิง 2,023 คน
ข้อมูลอาชีพของตำบล
ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงเป็นอาชีพหลัก ส่วนอาชีพรอง คือ ค้าขาย ,รับจ้างทั่วไป และ ทำการเกษตร
ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล
1. บ้านกลางน้ำ
2.ภูเขาเขียน
3.ภูเขาหมาจู
4.อุทธยานแห่งชาติอ่าวพังงา เกาะปันหยี เกาะปันหยีเป็นเกาะเล็ก ๆ มีที่ราบประมาณ 1 ไร่ มีบ้านเรือนประมาณ 200 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่มีอาชีพ เป็นชาวประมง ขายของที่ระลึก
และขายอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว มีโรงเรียนประชาบาลแห่งหนึ่งชื่อโรงเรียน บ้านเกาะปันหยี ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามโรงเรียนเกาะปันหยีตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาเปิดสอน 3 ระดับ
คือก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา
วิสัยทัศน์ : นักเรียนมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติสามารถใช้ศิลปวัฒนธรรมไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับเกาะปันหยี
จากภาครัฐ การคืนเวที การดำรงชีวิต ให้อยู่ในบทบาทของชุมชน มากกว่าการที่รัฐ จะใช้อาณัติของรัฐเกินจำเป็น
สภาพทั่วไปของตำบล
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะอยู่กลางทะเล จำนวน 3 หมู่บ้าน อีกหนึ่งหมู่บ้านอยู่ติดชายฝั่ง พื้นทีทั้งหมด 11,080 ไร่เศษ หรือคิดเป็น 17 ตารางกิโลเมตร
เป็นหมู่บ้านพัฒนาปานกลาง รายได้เฉลี่ยไม่ผ่านเกณฑ์ จปฐ.
อาณาเขตตำบล
ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลตากแดด
ทิศใต้ ติดต่อกับ อ่าวพังงา
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวพังงา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอ่าวพังงา
จำนวนประชากรของตำบล
ประชากรทั้งสิ้น 4,022 คน แบ่งเป็นชาย 1,999 คน และหญิง 2,023 คน
ข้อมูลอาชีพของตำบล
ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงเป็นอาชีพหลัก ส่วนอาชีพรอง คือ ค้าขาย ,รับจ้างทั่วไป และ ทำการเกษตร
ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล
1. บ้านกลางน้ำ
2.ภูเขาเขียน
3.ภูเขาหมาจู
4.อุทธยานแห่งชาติอ่าวพังงา เกาะปันหยี เกาะปันหยีเป็นเกาะเล็ก ๆ มีที่ราบประมาณ 1 ไร่ มีบ้านเรือนประมาณ 200 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่มีอาชีพ เป็นชาวประมง ขายของที่ระลึก
และขายอาหารให้แก่นักท่องเที่ยว มีโรงเรียนประชาบาลแห่งหนึ่งชื่อโรงเรียน บ้านเกาะปันหยี ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามโรงเรียนเกาะปันหยีตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาเปิดสอน 3 ระดับ
คือก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา
วิสัยทัศน์ : นักเรียนมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานมีความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติสามารถใช้ศิลปวัฒนธรรมไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับเกาะปันหยี
การเดินทาง
อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร จากทางหลวงหมายเลข 4 จะมีทางแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4144 เข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร
จะถึงท่าเรือท่าด่านศุลกากรสามารถเช่าเรือจากบริเวณท่าเรือได้ หรือเดินทางโดยรถสองแถวมีรถออกจากตัวเมืองไปท่าเรือท่าด่านศุลกากรทุกวัน
อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร จากทางหลวงหมายเลข 4 จะมีทางแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4144 เข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร
จะถึงท่าเรือท่าด่านศุลกากรสามารถเช่าเรือจากบริเวณท่าเรือได้ หรือเดินทางโดยรถสองแถวมีรถออกจากตัวเมืองไปท่าเรือท่าด่านศุลกากรทุกวัน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น